มีหลายคนเคยถามว่า เอ… จะกินยาของลูกได้ไหม? หรือว่าลูกเอายาของแม่มากินได้ไหม ประเด็นมันไม่ได้อยู่ว่าแม่ใช้พาราฯ หรือว่าคุณแม่ใช้คลอเฟนิรามีนลดน้ำมูก คุณลูกก็ใช้คลอเฟนิรามีนลดน้ำมูก มันไม่เหมือนกันหรอ?
มันเหมือนกันครับ ถ้าจะต่างก็คงต่างกันที่ “ขนาด” กับ “รูปแบบของยา” เพราะยาที่ผู้ใหญ่ใช้ส่วนใหญ่เป็นยาเม็ด แต่ยาที่เด็กใช้เนี่ยบางทีเด็กเล็กๆ เขากลืนยาเม็ดยังไม่ได้ครับ
เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องกินยาน้ำ เนื่องจากรูปแบบยาเม็ดไม่เหมาะสม นั่นคือประเด็นหนึ่ง แต่ประเด็นที่สำคัญนั่นคือ “ขนาดยา” ส่วนใหญ่แล้วในผู้ใหญ่ก็จะกินในขนาดใหญ่ ในเด็กก็กินในขนาดเด็กนะครับมันคนละขนาดกัน
ผมขอยกตัวอย่าง มันคงเป็นความยากลำบากที่ต้องแบ่งยาตามขนาดที่ต้องการนะครับ ถามว่าได้ไหม? มันได้ครับ แต่ว่ามันลำบากต้องมานั่งแบ่ง ถึงแม้เด็กที่กินยาเม็ดได้ก็ต้องมานั่งแบ่งเม็ดยา หรือมานั่งบด บางทีอันนี้มันก็ไม่ใช้เรื่อง
ผมยกตัวอย่างยาที่คุ้นเคยที่สุดก็คือ พาราเซตามอล ในท้องตลาดของประเทศไทยเราเนี่ยพาราเซตามอลที่เราเห็นสำหรับเด็กจะมีอยู่ 3 ขนาดคือ 120 มิลลิกัรม/ช้อนชา (1 ช้อนชา = 5ซีซี) ขนาด 160 มิลลิกรัม/ช้อนชา และขนาด 250 มิลลิกรัม/ช้อนชา
แต่ในส่วนของผู้ใหญ่เรามีพาราเซตามอลเป็นเม็ด 500 มิลลิกรัม ซึ่งผู้ใหญ่ก็รับประทาน 500-1,000 มิลลิกรัมต่อหนึ่งครั้ง ทุก 4-6 ชั่วโมง ถ้าผู้ใหญ่บอกว่าชั้นจะกินยาขนาด 500 มิลลิกรัม แต่พอดียาลูกเหลือยาตัวเองหมด ยาของลูกที่มีอยู่มีความแรงเท่ากับ 120 มิลลิกรัม/ช้อนชา นั่นแปลว่าเราต้องรับประทานยาถึง 4 ช้อนชากว่าๆ แล้วถ้าเกิดจะกิน 1,000 มิลลิกรัมล่ะก็ต้องใช้ถึง 8 ช้อนชากว่าๆ
ปัญหาที่เกิดเนี่ยแหละครับทำให้เราเกิดความยุ่งยาก ต้องรับประทานยาหลายขนาดตวงทีเดียว ไม่ต้องพูดถึง 8 ช้อน เอาแค่ 4 ช้อน แล้ว ยิ่งกรณีของ 8 ช้อนเนี่ย วิธีทางเดียวที่จะทำได้คือต้องเอาไม้ขีดมา 8 อันครับ เอามาวาง พอกินไปหนึ่งช้อน ก็เอาขีดเลื่อนไปใช้เป็นตัวแทนในการนับเหมือนสมัยโบราณครับ ไม่งั้นงง!
เพราะฉะนั้นจะเห็นว่ามันไม่สะดวกสบาย โดยทั่วไปบางครั้งเนี่ยสมมุติว่าลูกน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ส่วนใหญ่ยาสำหรับเด็กจะเป็นไปตามน้ำหนัก แพทย์หรือเภสัชกรจะสั่งจ่ายพาราเซตามอลในขนาดประมาณ 10-15 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ต่อหนึ่งครั้งที่รับประทาน ถ้าเด็ดน้ำหนัก 18 กิโลกรัม เด็กอาจจะต้องใช้ยาประมาณเลขลงตัว 250 มิลลิกรัม นั่นหมายถึงต้องหั่นพาราเซตามอลขนาด 500 มิลลิกรัม ออกเป็นครึ่งหนึ่ง
ในทางกลับกันถ้าจะหักขนาดยาให้เท่ากับขนาดของเด็กเนี่ยถึงแม้ว่าเด็กจะกลืนยาเม็ดได้ก็คงเป็นเรื่องลำบากที่จะให้ขนาดที่เหมาะสมนะครับ ยังมีอีกครับ นอกจากพาราเซตามอลแล้วก็ยังมียาอื่นอีก ยกตัวอย่างเช่น คลอเฟนิรามีน มาลีเอต ที่เป็นยาลดน้ำมูก แก้แพ้ ถ้าเป็นยาเด็กเนี่ยจะมีขนาด 2 มิลลิกรัม/ช้อนชา ซึ่งกรณีนี้เด็กกับผู้ใหญ่จะไม่ค่อยมีปัญหาในการใช้ยาเด็กชนิดนี้ครับ เพระว่า 1 เม็ดของผู้ใหญ่ก็จะมีขนาด 4 มิลลิกรัมอยู่แล้ว 1 เม็ดของผู้ใหญ่ก็เท่ากับ 2 ช้อนชาของยาเด็ก ในกรณีของยาน้ำ ซึ่งยาน้ำนี่ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ก็ดูไม่ค่อยมีปัญหา
จะมียาชนิดหนึ่งครับ ก็คือยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียอะมอกซีซิลิน ยาน้ำของเด็กก็จะมีสองขนาดคือ 125 มิลลิกรัม/ช้อนชา กับ 250 มิลลิกรัม/ช้อนชา ซึ่งก็เช่นกัน ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็อาจจะต้องตวงมากหน่อย นอกจากนี้จะให้ผู้ใหญ่พกยาน้ำก็ดูค่อนข้างลำบากนะครับ
คุณผู้หญิงถือพราด้า พกยา 2-3 แผง ก็ใส่ลงไปในพราด้าได้ แต่ถ้าต้องพกยาแก้ไอ 1 ขวด รวมยาจิบแก้ไอชวนป่วยอีก 1 ขวด ยาพาราฯ อีก 1 ขวด แล้วไหนจะมียาปฏิชีวนะอีก 1 ขวด ซึ่งบางทีควรจะเก็บในตู้เย็นด้วยซ้ำถ้าเป็นไปได้นะครับ อย่านี้ต้องใส่ใน Ice Box ด้วยหรือป่าวไม่ทราบ พราด้านี่ก็คงจะตุงผิดปกติคงจะไม่ถนัด เพราะฉะนั้นผมว่านั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งในเรื่องของความเหมาะสมและความสะดวกครับ
ฉะนั้นถ้าจะถามว่าผู้ใหญ่ใช้ยาเด็กได้ไหม? ก็ได้นะครับ แต่ว่าขนาดยาเนี่ยมันจะทำให้การใช้ยากลำบาก แล้วถ้าถามว่าเด็กจะใช้ยาผู้ใหญ่ได้หรือไม่? ในทางกลับกัน ขนาดยาเป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะจะต้องหั่นยาให้เท่ากับขนาดยาเด็ก แล้วไหนจะมีปัญหาเรื่องการกลืนยาเม็ดด้วย บางคนบอกว่าจะบดร่วมกับน้ำเชื่อมอะไรอย่างนี้แต่ว่าไม่ใช่ยาบางอย่างบดได้นะครับ ยาบางอย่างก็บดไม่ได้ คอยติดตามกันดูต่อว่าทำไมยาถึงบดไม่ได้ครับ…
ยาเสื่อม ยาเสีย หรือ ยาหมดอายุ ฟังดูแล้วน่ากลัวนะ
ยาเสื่อมหรือยาเสีย ฟังดูแล้วน่ากลัวนะครับ เพราะว่าถ้าเ […]
ห้ามบด ห้ามหัก ห้ามเคี้ยว ห้ามกิน
ยาเม็ด (Tablets) และแคปซูล (Capsules) เป็นรูปแบบยาที […]
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็นสำหรับเรื่องนี้.....